โรม่า กับปาฏิหาริย์แห่งกรุงโรม

โรม่า กับปาฏิหาริย์แห่งกรุงโรม

เกมส์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกที่โรม่า สามารถกลับมาเอาชนะเต็ง 1 ของถ้วยใบนี้อย่างบาร์เซโลน่าได้นั้น เป็นสิ่งที่สะท้อนคำพูดที่บอกว่าลูกกลมๆอะไรก็เกิดขึ้นได้ ได้เป็นอย่างดี

ในนัดแรกโรม่าก็ถือว่าเล่นได้ดีพอตัว แต่บาร์เซโลน่าวันที่เข้าฝักก็ไม่น่ามีทีมไหนหยุดพวกเขาได้ในเกมส์รุก ทำให้โรม่าแพ้ไปค่อนข้างขาดลอย 4-1 แต่การที่โรม่าทำประตูได้ 1 ลูกก็เป็นเหตุผลสำคัญมากที่ทำให้โรม่าได้เข้ารอบตามกฎอเวโกล์ ในขณะที่นัดที่ 2 สกอร์ที่ตามหลังบาร์ซ่าอยู่ถึง 3 ทำให้โรม่าไม่เหลือทางเลือกมากนักที่ต้องเปิดเกมส์รุก หากแต่ว่าปกติแล้วทีมจากอิตาลีกับการเล่นเกมส์รุกดูจะไม่ใช่ของถนัดและการเจอกับบาร์ซ่าที่เล่นบอลเร็วได้อย่างแม่นยำทำให้หลายคนคิดว่าเกมส์นี้มันจบไปตั้งแต่นัดก่อนแล้ว

แต่โรม่าก็ทำสิ่งที่แฟนบอลบางคนเรียกว่า “ปาฏิหารย์แห่งกรุงโรม” ด้วยการไล่บี้บาร์ซ่าจนสียขบวน ซึ่งใครที่ดูเกมส์นั้นก็คงคิดเหมือนๆกันว่านานแค่ไหนที่ไม่ได้เห็นยอดทีมอย่างบาร์เซโลน่าต้องเปิดตำราเกมส์รับการแบบหัวหมุน เพราะปกติจะเป็นนาร์ซ่าที่ไล่กดดันคู่แข่งและครองเกมส์ได้เหนือกว่าตลอดแม้แต่การเจอกับทีมใหญ่ด้วยกันอย่างเรอัล มาดริดก็ตาม บาร์ซ่าก็ยังดูครองบอลได้เหนือกว่าโดยเฉพาะในช่วงหลังๆที่ทั้ง 2 ทีมเจอกัน

แล้วโรม่าก็ทำได้สำเร็จโดยเฉพาะจากฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นของ เอดิน เซโก้ หัวหอกทีมชาติบอสเนีย ที่ป่วนกองหลังบาร์ซ่าทั้งเกมส์ ทั้งยิงประตูและเรียกจุดโทษให้กับทีมได้ จนในที่สุดก็ทำให้โรม่าพลิกสถานการณ์เข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศแบบหักปากกาเซียน ในขณะที่ผู้เล่นคนอื่นก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกันที่ช่วยกันไล่บดจนบาร์ซ่าหมดสภาพของการเป็นยอดทีมที่เราเห็นกันชนชินไปเลย โดยเฉพาะเกมส์นี้เป็นเกมส์ที่เงียบมากของลีโอเนล เมสซี่ สตาร์เบอร์ 1 ของทีม

พอจัดการกับเมซซี่ได้ความน่ากลัวของบาร์ซ่าก็แน่นอนว่าหายไปมากพอสมควร ในขณะที่ผู้เล่นโรม่าที่นอกจากเซโก้แล้ว อีกหลายๆคนก็โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น คอสตาส มาโนลาส กองหลังทีมชาติกรีซที่บัญชาเกมส์รับได้อย่างแข็งแกร่ง หรือ ดานีเอเล เด รอสซี กองกลางจอมเก๋า ที่อัดกับสตาร์ของบาณ์ซ่าทั้งอิเนสต้า ราคิติช หรือบุสเก็ตได้ดี และยังทำประตูจากจุดโทษได้ด้วย

หากโรม่าจะสร้างปาฏิหาริย์ให้ได้มากกว่านี้รอบต่อไปพวกเขาก็ต้องเจอกับลิเวอร์พูลที่มาถึงรอบรองได้แบบที่หลายคนก็นึกไม่ถึงอีกเช่นกัน และที่สำคัญจะเป็นการพบกันอีกครั้งกับโมฮาเหม็ด ซาล่าร์ อดีตสตาร์ของทีมที่ไปได้ดิบได้ดีเกินคาดในอังกฤษและอาจจะเป็นตัวแปรสำคัญที่สุดที่จะบอกได้ว่าโรม่าจะไปถึงนัดชิงได้หรือไม่ด้วย