บรูโน่ติงผี ‘นุ่มนิ่ม’ เกินไปก่อนพ่ายนัดชิง

บรูโน่ติงผี ‘นุ่มนิ่ม’ เกินไปก่อนพ่ายนัดชิง

บรูโน่ เฟอร์นานเดส เพลย์เมกเกอร์ของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวว่าพวกเขาเล่นฟุตบอลที่ ‘นุ่มนิ่ม’ กันจนเกินไปในเกมนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ กับทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในวันเสาร์

แมน ยูไนเต็ด ต้องตกเป็นฝ่ายตามหลังตั้งแต่นาทีที่ 12 ของเกม เท่านั้น จากลูกยิงไกลในนาทีแรกของ อิลคาย กุนโดกัน หลังจากนั้น เฟอร์นานเดส ก็ยังสามารถทำประตูตามตีเสมอได้จากลูกจุกโดทษในครึ่งแรก “หลังจากเราทำประตูได้ พวกเรามีการเล่นเกมโต้กลับที่ดี แต่ว่าเราไม่สามารถทำประตูได้” บรูโน่ เฟอร์นานเดส กล่าวกับ BBC One.

“พวกเราเสียประตูเร็วอีกครั้งในครึ่งหลังและก็ยังคงมีโอกาสอีกหลายครั้ง แต่ว่าเราไม่สามารถทำได้และ ซิตี้ ก็สมควรเป็นฝ่ายชนะ พวกเราเล่นฟุตบอลที่นุ่มนื่มเกินไปและพวกเราก็ยอมให้พวกเขามีที่ว่างมากมายในการทำประตูแรก แต่ว่ามันเป็นการยิงบอลที่อเมซิ่ง ถ้าเราประกบชิดกว่านี้ก็คงสามารถหยุดเขาได้”

‘บรูโน่’ ยก ‘มาร์ติเนซ’ ย้ายมาสร้างอิมแพ็คให้กับผีแดง

‘บรูโน่’ ยก ‘มาร์ติเนซ’ ย้ายมาสร้างอิมแพ็คให้กับผีแดง

บรูโน่ เฟอร์นานเดส มิดฟิลด์กัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชื่นชมแนวรับเพื่อนร่วมทีม อย่าง ลิซานโดร มาร์ติเนซ หลังปราการหลังทีมชาติอาร์เจนติน่า ย้ายเข้ามาและเป็นหัวใจสำคัญในเกมรับให้กับทีม “ปีศาจแดง”

มาร์ติเนซ ลงสนามมากถึง 45 ครั้ง ในฤดูกาลแรกของเขา นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมด้วยค่าตัว 46.8 ล้านปอนด์ และสามารถช่วยให้ทีมรักษาคลีนชีทได้มากถึง 20 ครั้ง จากทุกรายการ “ผมรู้ดีว่าฟุตบอลจะต้องชื่นชม ลิชา (ลิซานโดร มาร์ติเนซ)” บรูโน่ เฟอร์นานเดส กล่าว

“แฟนบอลของคนที่ต้องการอยากชนะ คนที่ต่อสู้ คนที่ทุ่มเททุกอย่างในสนามและนั่นคือสิ่งที่ ลิชา เขาทำให้กับเราที่นี่” ลิซานโดร มาร์ติเนซ ยังคงได้รับบาดเจ็บยาวไปจนจบฤดูกาลนี้ หลังกระดูกข้อเท้าแตกในเกมยูโรป้า ลีก กับ เซบีย่า เมื่อวันที่ 13 เมษายน

แฟรงค์ แลมพาร์ด เผชิญคำถามเกี่ยวกับความสนใจของ เชลซี

แฟรงค์ แลมพาร์ด เผชิญคำถามเกี่ยวกับความสนใจของ เชลซี ในตัวของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน

แฟรงค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีมของ เชลซี ถูกถามเกี่ยวกับความสนใจของสโมสรในการว่าจ้าง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน ในการแถลงข่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งในตอนนี้ เชลซี ก็กำลังอยู่ในช่วงการพิจารณาแต่งตั้งผู้จัดการทีมคนใหม่หลังจากที่ เชลซี ได้แยกทางกับ เกรแฮม พอตเตอร์ ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

ในตอนนี้หลายสำนักข่าวในต่างประเทศต่างก็ยกให้ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน อดีตผู้จัดการทีมของ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เป็นผู้จัดการทีมที่น่าจะมีโอกาสเข้ามาร่วมทีม เชลซี และในตอนนี้ก็มีรายงานข่าวที่ออกมาเปิดเผยว่า เมาริซิโอ โปเช็ตติโน เตรียมที่จะเข้ารับงานคุมทีมที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในเร็วๆ นี้

ก่อนการแข่งขันในวันพุธกับสโมสรเพื่อนบ้านฝั่งตะวันตกของลอนดอนอย่าง เบรนท์ฟอร์ด  ทางด้านของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ได้ถูกถามเกี่ยวกับความเชื่อมโยงของสโมสรกับผู้จัดการทีมชาวอาร์เจนติน่ารายนี้ โดยเขากล่าวว่า “ผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการพูดคุยกับผู้จัดการทีมในอนาคต ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดาในขั้นตอนนี้ ง่ายๆ แค่นั้นเอง”

และเมื่อ แฟรงค์ แลมพาร์ด ถูกถามว่าเขาคาดหวังที่จะคุม เชลซี ต่อไปจนจบฤดูกาลหรือไม่หลังจากแพ้ทั้งสี่เกมจนถึงตอนนี้ เขาได้ตอบกลับไปว่า “ผมจะไม่คาดหวังอะไรในวงการฟุตบอล แต่ผมคิดว่ามันชัดเจนมากที่เราเข้ามาในสโมสรแห่งนี้เมื่อเจอปัญหาใหญ่ เรามีเวลาหนึ่งวันในการเตรียมตัวสำหรับเกมกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน สองเกมกับ เรอัล มาดริด ผลงานนัดที่สองดีกว่ามาก และผลงานของทีมก็เหมาะสมอย่างที่ผมอยากเห็น และเกมระหว่างนั้นกับ ไบรท์ตัน ซึ่งเราต้องเปลี่ยนทีมหลายอย่าง ดังนั้นมีหลายปัจจัยเกี่ยวกับสี่เกมที่เรามีตั้งแต่เราทำงานที่นี่”

พอล มิทเชล จะออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาของ โมนาโก หลังสิ้นสุดฤดูกาลนี้

พอล มิทเชล จะออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาของ โมนาโก หลังสิ้นสุดฤดูกาลนี้

พอล มิทเชล พร้อมที่จะกลับสู่การทำงานใน พรีเมียร์ลีก ในช่วงซัมเมอร์นี้หลังจากที่เขาได้ยืนยันการตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาของ โมนาโก และก็มีรายงานข่าวที่ออกมาเปิดเผยว่าในตอนนี้ได้มีหลายสโมสรที่ออกมาแสดงึวามสนใจอยากจะร่วมงานกับเขาแล้ว ซึ่งทางด้านของ พอล มิทเชล เองก็งก็ได้ทำงานกับ โมนาโก มาตั้งแต่ปี 2020 หลังจากที่เขาได้ร่วมงานกับ แอร์เบ ไลป์ซิก เป็นเวลา 2 ปีในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายสรรหาและพัฒนา และก่อนหน้านั้นเขาทำงานร่วมกับ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ทั้งที่ เซาแธมป์ตัน และ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ด้วย

เดิมทีแล้วสัญญาของ พอล มิทเชล กับ โมนาโก จะหมดอายุลงในปี 2024 แต่ว่านในตอนนี้เขาได้ออกมายืนยันแล้วว่าเขาจะออกจากตำแหน่งในช่วงซัมเมอร์นี้ตามที่มีข่าวลือหลุดออกมาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

พอล มิทเชล ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “มันเป็นการตัดสินใจที่ยากมาก ผมชอบประสบการณ์ของผมที่สโมสรแห่งนี้ ผมรู้สึกได้รับการสนับสนุนจากประธานน ดมิทรี ไรโบลอฟเลฟ และเจ้าของเสมอมา เรามีการพูดคุยหลายครั้งเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลงบทบาทภายในสโมสรและการขยายสัญญาของผม ผมรู้สึกขอบคุณท่านประธานมากที่ไว้วางใจผม เราได้สร้างความสัมพันธ์บนพื้นฐานของความโปร่งใสและความซื่อสัตย์ แต่ผมใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่นอกบ้านและคนที่ผมรักในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผมรู้สึกว่าภารกิจที่ผมมีซึ่งก็คือการสร้างโครงการกีฬาขึ้นมาใหม่นั้นสำเร็จลุล่วงแล้ว”

อย่างไรก็ตามในตอนนี้ พอล มิทเชล จะยังคงทำงานให้กับ โมนาโก ไปจนถึงช่วงสิ้นสุดฤดูกาลนี้ และคาดว่าเขาน่าจะได้เข้าไปทำงานในสโมสรใดสโมสรหนึ่งใน พรีเมียร์ลีก หลังจากที่ตอนนี้มีหลายสโมสรที่แสดงความสนใจอยากจะร่วมงานกับเขา โดย ลิเวอร์พูล เป็นหนึ่งที่ให้ความสนใจจะร่วมงานกับเขา ในขณะที่ทางด้านของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ชื่นชมการทำงานของเขามาอย่างยาวนาน ซึ่งต้องมาดูกันต่อไปว่าท้ายที่สุดแล้วเขาจะไปทำงานกับสโมสรใดในอนาคต

มิเคล อาร์เตต้า ไม่พอใจนักข่าวหลังโดนจี้เรื่องการหมุนเวียนผู้เล่นของ อาร์เซนอล

มิเคล อาร์เตต้า ไม่พอใจนักข่าวหลังโดนจี้เรื่องการหมุนเวียนผู้เล่นของ อาร์เซนอล

มิเคล อาร์เตต้า กุนซือของ อาร์เซนอล ระเบิดอารมณ์หลังจากที่เขาถูกถามคำถามที่น่าขยะแขยงในการแถลงข่าวหลังเกม โดยเขาได้ถูกถามว่าความพ่ายแพ้ต่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-1 ในการแข่งขัน พรีเมียร์ลีก เกิดจากการขาดการหมุนเวียนตัวผู้เล่นตลอดทั้งฤดูกาลหรือไม่ โดยในเกมดังกล่าวก็เป็นทางด้านของ เควิน เดอ บรอยน์, แจ็ค กรีบิช และ เออร์บิง ฮาแลนด์ ที่ทำประตุให้กับทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และหลังจบเกมดังกล่าวก็ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขยับแซง อาร์เซนอล ขึ้นรั้งตำแหน่งจ่าฝูงของตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก ในทันที

หลังจากพพ่ายแพ้ให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำให้ อาร์เซนอล ไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลยใน 3 เกมล่าสุด และนั่นทำให้โอกาสในการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้ของพวกเขาน้อยลงด้วยหลังจากที่สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมมาโดยตลอดตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล ซึ่งทางด้านของ มิเคล อาร์เตต้า ก็รู้ดีว่าทีมของเขาเสียประตูง่ายเกินไป

อย่างไรก็ตาม เขาถูกถามในภายหลังว่าการขาดการหมุนเวียนตัวผู้เล่นของ อาร์เซนอล ตลอดทั้งฤดูกาลคือสาเหตุสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความพ่ายแพ้ในครั้งนี้หรือไม่ แต่ มิเคล อาร์เตต้า ก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจคำถามจากนักข่าวที่ถามเขา และทางด้านของ มิเคล อาร์เตต้า ก็ยังคงมีความเชื่อมั่นว่าทีมของเขาจะสามารถเรียกโมเมนตัมกลับมาให้กับทีมของเขาได้ ซึ่งตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่ได้หมดโอกาสในการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก และยังมีความได้เปรียบจากการที่ลงสนามน้อยกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไป 1 เกมด้วย

สำหรับเกมต่อไป อาร์เซนอล ก็มีกำหนดที่จะลงสนามพบกับ แอสตัน วิลล่า ในวันเสาร์นี้ และถ้าหากเขาเก็บชัยชนะได้ พวกเขาก็อาจจะสามารถทวงคืนตำแหน่งจ่าฝูงกลับมาให้ตัวเองได้อีกครั้ง และในวันเดียวกันทางด้านของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็มีกำหนดลงสนามพบกับ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ซึ่งถ้าพวกเขาไม่สามารถเก็บ 3 แต้มได้ โอกาสในการขึ้นเป็นจ่าฝูงของ อาร์เซนอล ก็ยังคงมีอยู่

ติโม แวร์เนอร์ ไม่ได้ให้คำแนะนำใดๆ กับ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู สำหรับการย้ายมายัง เชลซี

ติโม แวร์เนอร์ ไม่ได้ให้คำแนะนำใดๆ กับ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู สำหรับการย้ายมายัง เชลซี

ติโม แวร์เนอร์ อดีตผู้เล่นกองหน้าของ เชลซี ได้ออกมายอมรับว่าเขาจะไม่ให้คำแนะนำโดยตรงใดๆ กับเพื่อนร่วมทีมอย่าง คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ในขณะที่เขาเตรียมที่จะย้ายไปยัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในช่วงซัมเมอร์ของปีนี้ โดยเขามีความเชื่อว่าเวลาและประสบการณ์เท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์หนทางแห่งความสำเร็จของเพื่อร่วมทีมชาติฝรั่งเศสของเขา แต่ทางด้านของ ติโม แวร์เนอร์ ก็ได้มีการพูดกับ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ไปว่าการอยู่กับ เชลซี จะแตกต่างออกไปกับความคุ้นเคยที่เขาเคยอยู่กับ แอรืเบ ไลป์ซิก

คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นกองหน้าที่ทำผลงานได้มากที่สุดคนนึงในลีกฟุตบอลยุโรปตั้งแต่ปี 2021 และเขาได้ทำสถิติประตูและแอสซิสต์รวม 76 ประตูให้กับ แอร์เบ ไลป์ซิก ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งผลงานนี้ก็เตะตาหลายๆ ทีมในยุโรปและอยากจะได้เขาไปร่วมทีมด้วย และมันก็คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรที่ เชลซี จะยอมทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อทำช้อตกลงล่วงหน้าในการคว้าตัว คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ไปร่วมทีมด้วย

เชลซี ได้โชว์สปิริตว่าพวกเขาพร้อมที่จะจ่ายเงินในจำนวนที่มากกว่าค่าฉีกสัญญาของนักเตะหนุ่มรายนี้เล็กน้อย โดยนักเตะหนุ่มรายนี้มีค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 56 ล้านปอนด์ ซึ่งตัวเลขค่าฉีกสัญญาในจำนวนนี้จะมีผลบังคับใช้ในช่วงสิ้นสุดฤดูกาล แต่ เชลซี ก็ยินดีที่จะจ่ายเงินในตัวเลขดังกล่าวเพื่อทำให้พวกเขามั่นใจว่าจะสามารถคว้าตัว คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู มาร่วมทีมได้

เดิมที่แล้ว เชลซี ต้องการที่จะคว้าตัว คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู มาร่วมทีมด้วยในช่วงเปิดตลาดซื้อขายนักเตะของเดือนนี้ แต่ด้วยอาการบาดเจ็บหัวเขาที่เขากำลังประสบปัญหาอยู่ตั้งแต่ช่วงก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลกทำให้แผนการของ เชลซี ต้องล้มเหลวไปและต้องย้ายมาร่วมทีม เชลซี ในฤดูกาลหน้าแทน

เซอร์เกย์ มิลินโควิช-ซาวิช เปลี่ยนใจอยากย้ายไปร่วมทีม อาร์เซนอล

เซอร์เกย์ มิลินโควิช-ซาวิช เปลี่ยนใจอยากย้ายไปร่วมทีม อาร์เซนอล

เซอร์เกย์ มิลินโควิช-ซาวิช มีโอกาสที่จะย้ายไปร่วมทีม อาร์เซนอล หลังจากที่มีข่าวออกมาเปิดเผยว่านักเตะหนุ่มกองกลางของ ลาซิโอ รายนี้ได้เปลี่ยนใจที่อยากจะย้ายไปยัง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม หลังจากที่เขาได้รับความสนใจ อาร์เซนอล ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา และทางด้านของ เซอร์เกย์ มิลินโควิช-ซาวิช ก็เป็นหนึ่งผู้เล่นที่มีข่าวเชื่อมโยงกับการย้ายมายัง พรีเมียร์ลีก มาอย่างยาวนาน โดย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี เองก็เป็นหนึ่งในทีมจากอังกฤษที่แสดงความสนใจในตัวของนักเตะหนุ่มรายนี้

แต่ตอนนี้ อาร์เซนอล เป็นสโมสรที่เชื่อมโยงกับการเซ็นสัญญาของเขามากที่สุดจากสโมสรในอังกฤษ ซึ่งในตอนนี้นักเตะหนุ่มวัย 27 ปีรายนี้เหลือสัญญากับ ลาซิโอ อีกเพียง 18 เดือน และดูเหมือนว่าในน่าจะมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับอนาคตของ เซอร์เกย์ มิลินโควิช-ซาวิช ในเร็วๆ นี้ ไม่ว่าจะเป็นการเซ็นสัญญาใหม่กับสโมสร หรือการย้ายไปยังสโมสรใหม่ โดยทางด้านของ จูลิโอ การ์โดเน นักข่าวชื่อดังของอิตาลีก็ได้ให้น้ำหนักไปทางการย้ายไปยัง อาร์เซนอล มากกว่า

จูลิโอ การ์โดเน ได้มีการเปิดเผยว่า อาร์เซนอล พยายามที่จะเซ็นสัญญากับ เซอร์เกย์ มิลินโควิช-ซาวิช ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ว่าเป็นทางด้านของ เซอร์เกย์ มิลินโควิช-ซาวิช เองที่ไม่ต้องการที่จะย้ายไปยัง อาร์เซนอล ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะเปิดกว้างมากขึ้นสำหรับโอกาสในการย้ายทีมของเขาเอง โดยเฉพาะการย้ายไปเล่นให้กับทีมที่แข็งแกร่งอย่าง อาร์เซนอล ที่สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงเปิดฤดูกาลจนถึงช่วงก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลก

ลิโอเนล เมสซี ยกให่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในโลก

ลิโอเนล เมสซี  ยกให่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในโลก

ลิโอเนล เมสซี กล่าวว่าเขาไม่สงสัยเลยหากจะบอกว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คือโค้ชที่ดีที่สุดในโลก และเขากล่าวว่าเขาอยากจะชื่นชมเวลาที่ได้เล่นภายใต้การคุมทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มากกว่านี้ ซึ่งทางด้านของ ลิโอเนล เมสซี่ และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สามารถคว้าถ้วยรางวัลร่วมกันได้ทั้ง 4 ปีสมัยที่ทั้งสองคนยังอยู่กับ บาร์เซโลน่า ก่อนที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะพาทีมทำผลงานได้ไม่ค่อยดี และถูกปลดออกจากตำแหน่งเฮดโค๊ช

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ลิโอเนล เมสซี่ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ว่าเขาได้กลายเป็นบุคคลที่ได้เข้ามาทำลายมาตรฐานในวงการฟุตบอลด้วยการพาทีมของเขาประสบความสำเร็จแบบนับครั้งไม่ถ้วน และยากที่ใครจะสร้างสถิติให้เหมือนเขาหรือทำลายสถิติของเขาได้ แม้ว่าหลายคนต้องการที่จะเดินตามรอยของเขาก็ตาม และเขาก็เป็นเฮดโค๊ชคนหนึ่งที่พาทีมที่เขาโค๊ชประสบความสำเร็จทุกทีม

ลิโอเนล เมสซี ยังเผยอีกว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทำให้ทุกคนในทีม บาร์เซโลน่า ในสมัยนั้นรู้สึกว่าชัยชนะเป็นเรื่องธรรมดาและง่ายมากสำหรับพวกเขา และทำให้พวกเขาไม่รู้เลยว่าช่วงเวลาที่พิเศษมันเป็นยังไง เพราะ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นคนที่เข้ามาทำให้ทุกอย่างมันดูง่ายไปหมด ซึ่ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็เคยพา บาร์เซโลน่า ประสบความสำเร็จมาแล้วหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น แชมป์ ลาลีกา 3 สมัย และ แชมเปี้ยนส์ลีก 2 สมัย และตอนนั้น ลิโอเนล เมสซี เองก็ยังสามารถคว้ารางวัลบัลลงดอร์มาได้ 4 สมัยติดต่อกันระหว่างปี 2009-2012

ลิโอเนล เมสซี  ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นช่วงเวลาที่ไม่ธรรมดา เขาเข้ามาพร้อมกับสิ่งที่เขาสอนเราและทำให้เราเติบโตในฐานะทีม เขาเข้ามาทำให้ทีมในชุดนั้นเป็นผู้เล่นที่ไม่เหมือนใคร และมันน่าประทับใจ ในการเล่นกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เราสามารถลงเล่นได้ทุกที่ และเราก็รู้ว่าเราจะชนะในทุกครั้ง ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใครก็ตาม เรารู้ว่าต้องทำอะไร ทำอย่างไร เรารู้ทุกอย่าง แม้ว่าเราจะพ่ายแพ้อย่างเจ็บปวด แต่เราก็มีความมั่นใจเสมอ”

แมนยูและลิเวอร์พูล ต้องควักเงินอย่างน้อย 105 ล้านปอนด์หากต้องการเซ็นสัญญากับ ซาวิช

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ต้องควักเงินอย่างน้อย 105 ล้านปอนด์หากต้องการเซ็นสัญญากับ เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล จะต้องจ่ายเงินค่าฉีกสัญญามูลค่ามากถึง 105 ล้านปอนด์หรือมากกว่านี้หากพวกเขาต้องการคว้าตัว เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช ของ ลาซิโอ มาร่วมทีมในช่วงเดือนมกราคม หลังจากที่นักเตะทีมชาติเซอร์เบียรายนี้ได้ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับการย้ายทีมไปยังสโมสนใน พรีเมียร์ลีก ซึ่งตอนนี้ ลาซิโอ ก็ยังไม่ได้รับข้อเสนอใดๆ อย่างทางเป็นทางการจากสโมสรอื่นที่ต้องการจะเซ็นสัญญากับนักเตะหนุ่มวัย 27 ปีรายนี้ท่ามกลางผลงานที่โดดเด่นอย่างมากในฤดูกาลนี้ใน เซเรียอา

สัญญาของ เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช กับ ลาซิโอ ยังมีอายุจนถึงปี 2024 จึงทำให้ตอนนี้ ลาซิโอ มีความได้เปรียบและไม่มีความจำเป็นที่จะขายผู้เล่นของตัวเองออกจากสโมสร และทำให้เขามีสิทธิ์ที่จะเรียกค่าตัวผู้เล่นของเขาเท่าไหร่ก็ได้ และหากพวกเขาสามารถขายผู้เล่นได้ในราคาสูงก็ถือเป็นการทำกำไรอย่างมหาศาลของสโมสร แต่ถ้าหากไม่มีทีมใดซื้อ ลาซิโอ เองก็ไม่น่าจะมีความกังวลอะไร เพราะเขายังมีโอกาสขายผู้เล่นของเขาได้อยู่ในอนาคต

ก่อนหน้านี้ทางด้านของ เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช ก้ได้มีข่าวในการย้ายไปร่วมทีม ยูเวนตุส ด้วย แต่เป็นทางด้านของประธานสโมสรอย่าง เคลาดิโอ โลติโต ที่ออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวว่าไม่เป็นจริง รวมถึงข่าวที่ระบุว่าผู้เล่นได้มีการตอบตกลงทางวาจากับ ยูเวนตุส ด้วย พร้อมกับเผยว่าตอนนี้ค่าตัวของ เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช นั้นแพงกว่าเมื่อก่อนมาก ซึ่งถ้าสโมสรใดต้องการเขาไปร่วมทีมด้วยก็จะต้องมีเงินอย่างน้อย 105 ล้านปอนด์มาแลก

เชลซี สนใจที่จะคว้าตัว มาร์คัส แรชฟอร์ด มาร่วมทีมหลังนักเตะหมดสัญญากับต้นสังกัด

เชลซี สนใจที่จะคว้าตัว มาร์คัส แรชฟอร์ด มาร่วมทีมหลังนักเตะหมดสัญญากับต้นสังกัด

ท็อดด์ โบห์ลีย์ เจ้าของสโมสรคนใหม่ของ เชลซี สนใจที่จะเซ็นสัญญากับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ในฐานะฟรีเอเยนต์หากเขาไม่ได้ตกลงที่จะต่อสัญญาใหม่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากที่นักเตะหนุ่มทีมชาติอังกฤษรายนี้ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมภายใต้การคุมทีมของ เอริค เทน ฮาก และเขาก็ยังสร้างความประทับใจให้กับหลายๆ คนเป็นอย่างมากหลังจากที่ยิงไป 2 ประตูช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะ อาร์เซนอล ไปได้ด้วยสกอร์ 3-1 และยังเป็นทีมแรกของฤดูกาลที่สามารถเอาชนะจ่าฝูงอย่าง อาร์เซนอล ได้อีกด้วย

ในช่วงฤดูกาล มาร์คัส แรชฟอณืด ต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องฟอร์มการเล่นที่ต่ำกว่ามาตรฐานของตัวเอง โดยเฉพาะในช่วงที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้แต่งตั้ง ราล์ฟ รังนิค เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวของสโมสร ซึ่งทำให้เขาไม่เคยได้ออกสตาร์ทเป็นผู้เล่นตัวจริง 11 คนแรกให้กับสโมสรเลย

แน่นอนว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็มีโอกาสที่จะวางแผนอนาคตของเขาไว้กับสโมสรอื่นเช่นกัน หากว่าในตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังไม่ได้มีการวางแผนหรือพูดคุยเรื่องการต่อสัญญากับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ซึ่งสำหรับสัญญาฉบับปัจจุบันของเขาจะหมดอายุลงในช่วงเดือนมิถุนายนปี 2023 แต่ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังสามารถต่ออายุสัญญาของเขาออกไปได้อีก 1 ปีโดยอัตโนมัติตามที่ได้ระบุเอาไว้ในท้ายสัญญา

นอกจากนี้อีกทีมที่อยากจะได้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ไปร่วมทีมด้วยก็คือ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ซึ่งพวกเขาได้มีการติดต่อมาหานักเตะแล้วด้วยในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ว่าเขาอยู่ภายใต้แผนการทำทีมของ เอริค เทน ฮาก ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จึงทำให้พวกเขาอดได้ตัวนักเตะหนุ่มทีมชาติอังกฤษรายนี้ไปร่วมทีม